แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดท่าโดนมิดเดิ้ลสโบรซ์ ของสตีฟ แม็คคลาเรน ถล่มเละ 4-1 ที่สนามริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ และพวกเขาก็สมควรจะต้องยอมรับผลการแข่งขันในนัดนี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นไม่ออกและเล่นผิดพลาดกันไปหมดในการพบกับมิดเดิ้ลสโบรซ์ ที่นำทัพโดย กาอิซก้า เมนดิเอต้า อดีตนักเตะบาเลนเซีย และลาซิโอ ซึ่งทำได้ 2 ประตู ในขณะที่ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ และยาคูบู (ลูกจุดโทษ) ทำได้คนละประตู
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำประตูปลอบใจให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นประตูที่ 1,000 ในพรีเมียร์ชิพของสโมสร ซึ่งถือเป็นจังหวะสุดท้ายของเกม
ฟิล บาร์ดสลี่ย์ เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่ในทีมจากนัดที่ถล่มบาร์เน็ต ไป 4-1 ในคาร์ลิ่ง คัพ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อกลางสัปดาห์ ที่จริงแล้วนักเตะที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลือกในการลงเล่นกับมิดเดิ้ลสโบรซ์ เป็นชุดเดียวกับที่เสมอ 1-1 กับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอล สโคลส์ ยังคงได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม
นักเตะ 4 คนที่ได้ลงเล่นในคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อวันพุธ ได้แก่ ทิม โฮเวิร์ด, เวส บราวน์, คีแรน ริชาร์ดสัน และจูเซ็ปเป้ รอสซี่ มีชื่อเป็นตัวสำรองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกคนหนึ่งคือคริสเตียโน่ โรนัลโด้
มิดเดิ้ลสโบรซ์ ของสตีฟ แม็คคลาเรน ไม่มีคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟประสบการณ์สูงอย่างแกเร็ธ เซาธ์เกต และยูโก้ อีไฮอ็อก โดยทั้งคู่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในชุดทีมเยือนสีน้ำเงินเริ่มเกมเป็นฝ่ายตั้งรับทางฝั่งประตูด้านที่มีแฟนบอลของตัวเองรวมกลุ่มกันอยู่ และก็เป็นทางด้านนี้ของสนามที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญครั้งแรกของเกมนี้ในนาทีที่ 2
มิดเดิ้ลสโบรซ์ ในชุดเจ้าบ้านสีแดงสวนกลับจากจังหวะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกขึ้นไป และจากการบุกครั้งแรกนี้เองพวกเขาก็ได้ประตูออกนำไปก่อน
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ เมื่อเอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์ นักเตะทีมชาติออสเตรีย ไหลบอลไปเข้าทางกาอิซก้า เมนดิเอต้า กองกลางชาวสเปนซัดไกลเต็มข้อจากระยะ 30 หลา เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พยายามพุ่งปัดแต่ไม่สำเร็จ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านออกนำ 1-0 แฟนบอลโบโร่แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน พวกเขาโดนนำตั้งแต่ต้นเกมเลยทีเดียว
โบโร่ทำผลงานในการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ดีอย่างสม่ำเสมอ แต่พวกเขามักจะทำผลงานในการไปเยือนที่โอลด์ แทนฟฟอร์ด ได้ดีกว่าการเล่นในสนามของตัวเองที่ริเวอร์ไซด์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องลำบากอย่างมากจากการถูกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งเลวร้ายกว่าก็ตามมาในนาทีที่ 26 เมื่อจิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของริโอ เฟอร์ดินานด์ ก่อนที่จะยิงประตูที่ 2 ผ่านมือของฟาน เดอร์ ซาร์ ให้โบโร่นำห่างเป็น 2-0 โดยก่อนหน้านี้ เมนดิเอต้า ลองยิงไกลอีกครั้งจากนอกกรอบเขตโทษแต่ไม่เข้ากรอบ
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเกมก็ยากลำบากมากสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซะแล้ว จังหวะบุกของพวกเขาในนัดนี้ที่ดีที่สุดคือการยิงของจอห์น โอเชีย จากการเปิดบอลเข้าไปของปาร์ค จีซุง ถือว่าเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะเป็นประตูแต่ก็ไม่ตรงกรอบ
เวลา 45 นาทีหมดไปเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โบโร่ก็มาทำประตูเพิ่มได้อีกเป็น 3-0 อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนหน้านี้แฟนบอลโบโร่ต่างส่งเสียงให้ผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์ เป่านกหวีดจบครึ่งแรก แต่พวกเขาต้องดีใจที่เขาไม่ได้ทำแบบนี้ และคีแรน ริชาร์ดสัน ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนที่ของฟิล บาร์ดสลี่ย์ ในนาทีที่ 31 ก็ทำพลาดไปดึงเสื้อของสจวร์ต พาร์นาบี้ ในกรอบเขตโทษ ในตอนแรกผู้ตัดสินโบกมือให้เล่นต่อไป แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินส่งสัญญาณบอกแล้วเขาจึงชี้ไปที่จุดโทษทันที ยาคูบู อดีตกองหน้าของปอร์ทสมัธ รับหน้าที่สังหารและส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างเยือกเย็นโดยที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งไปผิดทาง
จบครึ่งแรกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลัง 3 ประตู และเกมมหัศจรรย์ที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน ในการพบกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เมื่อ 4 ปีที่แล้วก็หวนกลับมาสู่ความทรงจำในทันที ในนัดนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ถูกนำไปก่อนด้วยสกอร์เดียวกันนี้ในครึ่งแรก แต่สามารถกลับมาเอาชนะได้ 5-3 อย่างสุดยอดในครึ่งหลัง
ไม่ต้องสงสัยว่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องสั่งสอนลูกทีมในช่วงพักครึ่งอย่างแน่นอน บางทีอาจจะเตือนพวกเขาถึงการแย่งชิงบอลมาได้น้อยมากในครึ่งแรก สัญญาณบ่งบอกในช่วงต้นครึ่งหลังแสดงว่าพวกเขายังคงมองโลกในแง่ดี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มที่จะกดดันคู่แข่งมากขึ้นอย่างมีเป้าหมาย และพวกเขาส่งบอลกันได้ไหลลื่นแม่นยำขึ้น การเอาคืนได้ซัก 1ประตูในช่วงต้นครึ่งหลังย่อมจะกระตุ้นทีมได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าไม่มีประตูใดๆ เกิดขึ้นเลย
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกเปลี่ยนต้วลงมาแทนที่ของ ปาร์ค เมื่อเวลาเหลืออยู่อีกครึ่งชั่วโมง แต่โชคของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการทวงประตูคืนก็ยังไม่มี และก่อนหมดเวลา 12 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็โดนเข้าไปอีก ยาคูบู ลากบอลไปสุดเส้นหลังในกรอบเขตโทษก่อนที่จะไหลบอลให้ เมนดิเอต้า ที่ไม่มีใครตามประกบ แล้วเขาก็ยิงผ่านมือฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปตุงตาข่ายอีกครั้ง โบโร่นำห่างสุดกู่ 4-0
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แสดงความไม่พอใจในฟอร์มการเล่นของริโอ เฟอร์ดินานด์ โดยการเปลี่ยนตัวเขาออกในช่วงท้ายเกมและให้เวส บาวน์ ลงมาเล่นแทน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ประตูปลอบใจในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากลูกเตะมุม พอล สโคลส์ เปิดบอลให้ โรนัลโด้ โหม่งเข้าไป แต่มันก็ยังคงเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดแสนจะยาวนานของพลพรรคปิศาจแดง จบเกมโบโร่ถล่มยูไนเต็ดไป 4-1 (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
มิดเดิ้ลสโบรซ์
มาร์ค ซวาร์เซอร์ 1
แม็ทธิว บาเตส 26
ฟร้องค์ เกอดรู 3
คริส ริคกอตต์ 5
จอร์จ บัวเต็ง 7
กาอิซก้า เมนดิเอต้า 14 ( น. 2, 78)
สจวร์ต พาร์นาบี้ 21
เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์ 12 ( น. 18)
ฟาบิโอ โรเชมแบ็ค 10
จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ 9 ( น. 25)
อาเย็คเบนี่ ยาคูบู 20 ( น. 45 จุดโทษ)
สำรอง
แบร็ดลี่ย์ โจนส์ 22
จูโดนี่ จูเนียร์ โดริว่า 17 น. 64 ฟาบิโอ โรเชมแบ็ค 10
เจมส์ มอร์ริสัน 25 น. 87 กาอิซก้า เมนดิเอต้า 14
ซิลาร์ด เนเมธ 8 น. 79 จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ 9
มาร์ค วิดูก้า 36
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
จอห์น โอเชีย 22 ( น. 90)
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24 ( น. 71)
พอล สโคลส์ 18
ปาร์ค จีซุง 13
เวย์น รูนี่ย์ 8
อลัน สมิธ 14 ( น. 45)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 20)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
เวส บราวน์ 6 น. 87 ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 น. 31 ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 90) น. 60 ปาร์ค จีซุง 13
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
สถิติของเกม
มิดเดิ้ลสโบรซ์ ยิงประตู 7 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง, ฟาวล์ 14, เตะมุม 2, ใบเหลือง 1, การครองบอล 46 %
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 14 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง, ฟาวล์ 22, เตะมุม 6, ใบเหลือง 4, การครองบอล 54 %
คะแนนความสามารถ
มิดเดิ้ลสโบรซ์ มาร์ค ซวาร์เซอร์ 6, แม็ทธิว บาเตส 7, คริส ริคกอตต์ 7, ฟร้องค์ เกอดรู 8, สจวร์ต พาร์นาบี้ 7, จอร์จ บัวเต็ง 8, กาอิซก้า เมนดิเอต้า 9, ฟาบิโอ โรเชมแบ็ค 8, เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์ 7, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ 8, อาเย็คเบนี่ ยาคูบู 7, จูโดนี่ จูเนียร์ โดริว่า (สำรอง) 6, เจมส์ มอร์ริสัน (สำรอง) 5, ซิลาร์ด เนเมธ (สำรอง) 5
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 5, ฟิล บาร์ดสลี่ย์ 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4, จอห์น โอเชีย 5, มิเกล ซิลแวสตร์ 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 5, พอล สโคลส์ 5, อลัน สมิธ 6, ปาร์ค จีซุง 6, เวย์น รูนี่ย์ 7, รุด ฟาน นิสเตลรอย 6, เวส บราวน์ (สำรอง) 5, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (สำรอง) 7, คีแรน ริชาร์ดสัน (สำรอง) 6
Por